เมษายน 20, 2024

“เดี่ยว” สุริยนต์ เผยชีวิตในวงการบันเทิง 17 ปี 

คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมา 17 ปี สำหรับหนุ่ม “เดี่ยว” สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล  นักแสดงหนุ่มกล้ามโตจะเปิดใจชีวิตในวงการบันเทิง  พร้อมเผยเส้นทางความรักกับ “หยง” แฟนสาวนอกวงการ  ที่คบหาดูใจกันมานานเกือบ 4 ปีเต็มๆ แต่ไม่เคยโพสต์รูปคู่ และในวันนี้นักแสดง พิธีกรหนุ่ม ได้มาเปิดใจในรายการ “คุยแซ่บSHOW” ทางช่องOne31 ที่มี ธัญญาเรศ เองตระกูล เและ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร
ทราบว่าแต่ก่อนอยู่แกรมมี่มาก่อน
เดี่ยว : ใช่ครับ ผมเริ่มจากเป็นพิธีกร โอไอซี (OIC) ถ้าใครอยู่ช่วงนั้นก็น่าจะเคยเห็นหน้าค่าตากัน หลังจากนั้นก็ออกไปทำรายการอื่นๆ  ถามว่าไม่ได้กลับมาแกรมมี่กี่ปีแล้ว ก็น่าจะ 6-7 ปีได้ วันนี้ได้กลับมาก็งงๆ เพราะมีตึกเพิ่มก็ไม่รู้ว่าต้องเข้าตรงไหนดี (หัวเราะ) วันนี้ได้กลับมาเจอพี่ก็คิดถึง พอผมทำพิธีกรได้ 3 ปี ก็เริ่มรับงานละคร เพราะแต่ก่อนจะมีแผนกดูแลพิธีกร ซึ่งเขาก็จะขายงานอย่างอื่นด้วยนอกจากเพลง ก็มีโอกาสได้ร่วมเป็นละคร
เล่นละครถอดเสื้อทุกเรื่อง 
เดี่ยว : ครับ ก็เป็นแค่ช่วงแรกๆ อาจจะเป็นเพราะจังหวะด้วยอะไรด้วย แต่ช่วงนี้ก็เพลาๆ ลงแล้ว เดี๋ยวทุกคนเบื่อกัน เรื่องกล้ามที่เราไม่ได้โชว์บ่อยๆ เพราะเราอยากให้มันสมบูรณ์จริงๆ  คือถ้าต้องมีถ่ายฉากถอดเสื้อต้องมีเวลาเตรียมตัวสักเดือนหนึ่ง คือเราอยากให้แฟนๆ ที่ชอบออกกำลังกายรู้สึกว่าหุ่นเราสมบูรณ์และสวยงาม ไม่อยากให้มีอะไรที่เป็นจุดบกพร่องออกไป  

เล่นมาหลายเรื่องไม่เคยเล่นบทพระเอกเลย
เดี่ยว : ครับ แต่ไม่น้อยใจเลย คือเรามีความสุขในการทำงาน ไม่ว่าบทอะไรมาเราก็จะแฮปปี้ไปหมด ถามว่าเล่นมากี่เรื่องแล้วผมจำไม่ได้ คิดว่าน่าจะเกิน 30 เรื่อง เท่าที่เคยนับๆ แต่บทที่รับมาผมก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณพี่ๆ ผู้จัดด้วย เพราะเราจะได้บทที่ดีเสมอ คือที่พี่เสนอมาเรารับหมดเลย เราไม่เคยเลือกเพราะว่าพี่ๆ เขาเล็งเห็นแล้วว่าเราได้ ก็เลยรับๆๆๆ ทุกเรื่อง ถ้ามีเวลาลงตัวได้ และไม่เป็นการรบกวนของแต่ละกองด้วย เราก็รับหมด 

เป็นคนเนี้ยบ ห้ามเอาอาหารไปกินบนรถ
เดี่ยว : คือเป็นช่วงแรกๆ เพราะเราเป็นผู้ชาย เราก็ไม่อยากให้กลิ่นอาหารติดบนรถ ถามว่าข้อห้ามของเราคืออะไร ก็อย่าเอาอาหารหรืออะไรที่มีกลิ่นขึ้นรถ น้ำเปล่าขึ้นรถได้ แต่เราโชคดีอย่าง คือเราสังเกตคน และคนที่นั่งรถเราส่วนใหญ่จะเป็นคนในครอบครัว คือเราก็รู้ว่าบางทีนั่งรถไปไกลๆ มันก็ต้องมีของกิน หลังๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าใครนั่งรถเราก็ไม่มีความสุข เราก็เลยปรับก็เปลี่ยน ตอนนี้จะเป็นสเต็ก สปาเก็ตตี้ บาร์บีคิวก็กินได้แล้วนะ 

เห็นว่ามีสาวคนรู้ใจ คนนี้คบมากี่ปีแล้ว 
เดี่ยว : ตอนนี้เกือบ 4 ปี แล้ว ชื่อ “หยง” คือเราเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อน ทำงานร่วมกัน เจอกัน พอคุยกันแล้วเรารู้สึกว่าเขาธรรมชาติดีเนอะ คือเราไม่ต้องมีกำแพง ไม่ต้องปกปิด อยากคุยอะไรก็คุยได้ คุยแล้วมีความสุข 

เจอกันครั้งแรกที่ไหน 
เดี่ยว : ครั้งแรกคือเราทำงานอีเว้นท์เป็นพิธีกร ส่วนเขาเป็นออแกนไนซ์ ก็เลยมีการพูดคุยกัน เป็นเพื่อนร่วมงานกันปกติ จนเราไม่ได้ยินข่าวเขาเป็นปี ตอนหลังมารู้ว่าเขาเปลี่ยนงานแล้ว ไปทำของตัวเอง เราก็ฝากความคิดถึงผ่านเพื่อนๆ ไป อยู่ดีๆ มีวันหนึ่ง เหมือนเราเปลี่ยนเครื่อง ไลน์ ที่เคยใช้ติดต่องานกันมันก็เด้งขึ้นมาใหม่ เราก็เลยทักเข้าไป เขาก็ตอบกลับมา ไปๆ มาๆ ก็เลยคุยกันเยอะขึ้น ก็คุยกันเป็นเดือน คือเราก็ถามสารทุกข์สุกดิบไป ทำนองว่า ทำไมออกแล้วไม่บอกกันเลย ก็เลยมีการโต้ตอบกันมา โต้ตอบกันได้เดือนกว่า ก็เริ่มจีบเขา คือผมไม่กล้าพูด คือเรากลัวโดนเขาปฏิเสธแล้วจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้นก็เลยค่อยๆ เช็ค เริ่มมี Good night ทุกวัน Good morning ทุกวัน แล้วดูว่าเขาตอบกลับมาไหม คือถ้าเขานิ่งไป เราก็จะรู้แล้วว่า เขาอาจจะไม่อยากติดต่อเรา แต่ถ้าเขาตอบกลับมา ไลน์ปุ๊บตอบปั๊บ ก็หมายความว่าเขาไม่รังเกียจเรา หลังจากนั้นก็เริ่มใส่คำว่าคิดถึง จากไลน์ก็มีโทรบ้าง อันนี้เป็นช่วงเริ่มต้น 

คุยนานไหมกว่าจะเป็นแฟน 
เดี่ยว : เกือบครึ่งปีได้ ก็มีนัดเจอกัน ตอนแรกเป็นกินข้าวดูหนังก่อน เพราะเป็นสถานที่เปิดกว้าง ทำบุญบ้าง ก็ยังไม่มีถูกเนื้อต้องตัวกัน แรกๆ ไม่กล้ากลัวว่าเขาจะหาว่าเราฉวยโอกาส  มาเริ่มกล้าตอนกินข้าวได้สักเดือน 

เขากลัวไหมเพราะเราเป็นดารา 
อันนี้มาคุยกันทีหลัง เขาไม่กลัว เขาแค่สงสัยอยากจะถาม แต่เขาไม่กล้าถามเราในตอนนั้น  คือเราก็ใส่ความห่วงใย เป็นห่วงลงไป ก็น่าจะตอบคำถามเขาได้ประมาณหนึ่ง 

ปกติเป็นคนโรแมนติกไหม
เดี่ยว : ไม่ค่อยนะครับ คือก่อนหน้านี้ผมคิดว่าผมเป็นคนโรแมนติก แต่ทุกคนบอกว่าไม่นะ เดี่ยวไม่โรแมนติกเลย วันที่ขอเขาเป็นแฟน เราก็เดินข้างๆ กัน แขนก็จะมีเฉี่ยวๆ กันบ้าง เราก็ค่อยๆ เดินเกี่ยวก้อยก่อน เขาก็เกี่ยวก้อยกลับ เวลาผมอยู่กับแฟน ผมตัวเล็กเลย อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็กด้วย ส่วนคำเรียกแทนกันก็ทั่วไป ที่รัก ก็มีเสียงสองเสียงสามทั่วไป บางทีเราก็อ้อนเพราะเราอยากให้เขาดูแล เรื่องทะเลาะกันก็มีเป็นธรรมชาติคือความเห็นไม่ค่อยตรงกัน คือเราไม่ค่อยยอมกันแรกๆ คุยกันแรกๆ พี่คิดแบบนี้ น้องคิดแบบนี้ ก็มีกระทบกระทั่งบ้าง ถามว่าเป็นเพราะความห่างของอายุไหม ผมว่าไม่นะ ผมกับน้องห่างกัน 8 ปี ถ้าทะเลาะกัน ก็จะคุยกัน มาลองจูนๆ ดู ถามว่าใครง้อใครผมว่าก็แล้วแต่ว่าใครผิด  ถ้าเขาผิดเขาก็ขอโทษเรา

เจอคุณพ่อคุณแม่ของอีกฝ่ายหรือยัง 
เดี่ยว : มีเจอคือเราก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่เขารู้ว่า ลุกสาวคุยกับใครบ่อยๆ หรือออกมาเที่ยวมากับใคร ผมก็จะรู้สึกว่า ถ้าเราจะคบกับใคร ถ้าเราแฮปปี้ เราก็แนะนำที่บ้านเลยดีกว่า ให้เขาได้รู้จักคุณพ่อคุณแม่ และครอบครัวด้วย ถามว่าเจอคุณพ่อคุณแม่แฟนครั้งแรกกลัวไหม ก็มีบ้าง ความรู้สึกของผมคือเรายังไม่เคยเจอท่านเราก็จะถามก่อน ก็คิดว่าถ้าเราจริงใจเข้าไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา และผมชอบยิ้มเราก็ยิ้มเข้าไป ถ้าเขายิ้มกลับก็แปลว่าโอเค เราก็เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ผมรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่แต่ละท่านต้องรู้อยู่แล้วล่ะ 

คบมา 4 ปีแล้ว มองเรื่องอนาคตหรือยัง 
เดี่ยว : เรื่องแต่งงานยังเลย ตอนนี้เราก็พยายามทำทุกวันให้มันดี ความเชื่อว่าถ้าวันนี้ดี ก็เหมือนเป็นการเตรียมตัวสำหรับอนาคตที่ดีด้วย อย่างน้อยถ้ามีอะไรผิดพลาดก็น่าจะแก้ไขได้ แต่ยังไม่ถึงแต่งงานขนาดนั้น ส่วนครอบครัวผมก็โอเค เขาก็แล้วแต่เรา แต่ทำอะไรก็ขอให้อยู่ในกรอบ ถูกต้อง มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าปิดบังอะไร ก็แชร์กัน คุยกัน คือครอบครัวผมก็เป็นแบบนี้ ก็คุยกันได้ทุกเรื่อง 

หลายคนสงสัยว่าคบกันมานาน ทำไมไม่มีรูปลงโซเชียล 
เดี่ยว : มันเขิน คือเราลงแล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะแคปชั่นอะไร จะลงโมเม้นต์นั้นอย่างไร เราก็จะมีถ่ายรูป อย่างไรเที่ยวไหนเราก็มีถ่ายรูป สมมุติถ่ายกล้องผม ผมก็จะส่งให้เขา อย่างวันไหนเราถ่ายรูปตัวเอง เราก็จะส่งให้เขา ส่วนเขาก็ไม่ลงเหมือนกัน โชเชียลของแต่ละคนก็ดูแลกันไป แต่จะไม่มีรูปคู่  ถามว่าไม่น้อยใจเหรอ ไม่เลยเพราะเราคุยกันแล้วความเห็นเดียวกัน ตั้งแต่แรก  ถ้าเป็นรูปคู่เท่าที่เคยลง น่าจะเป็นรูปทำบุญ ไปด้วยกัน ทำกิจกรรมกับน้องๆ  เรายังไม่เคยคุยเรื่องแต่งงาน ก็อย่างที่บอกไปว่าเราก็ทำวันนี้ให้ดี ให้เข้มแข็ง แต่ก็มีอนาคตบ้างว่ามองอนาคตอย่างไร อยากไปถึงตรงไหน 

อยากมีลูกไหม
เดี่ยว : อยากมีเพราะผมชอบเด็ก แต่พอเราเติบโตขึ้นมา ณ ตอนนี้ยังไม่อยาก คือถ้าแต่งงานอก็ยังไม่อยากมีเพราะรู้สึกว่า ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราอยากทำก่อน คือรุ่นผมก็แต่งงานมีน้องน่ารักกันหมดแล้ว แล้วทุกคนจะบอกว่าต้องทุ่มเทและให้เวลาทั้งหมดกับลูก แล้วเราก็เห็นชีวิตรุ่นพี่ เราได้เห็นว่าชีวิตเขาทุ่มเทให้กับลูก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตจริงๆ ดังนั้นเราต้องพร้อม เราต้องอยากทำอะไรที่อยากทำให้เสร็จเรียบร้อย ให้มีความมั่นคงด้วย จนเรานิ่งแล้วตอนนั้นค่อยมีดีกว่า ความคิดมันปรับไปเรื่อยๆ คือตอนนี้ยัง แต่อนาคตก็ไม่แน่

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow กันแบบเต็มๆ ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ “เดี่ยว” สุริยนต์ อรุณวัฒนกูลhttps://youtu.be/6AZfHP7eVtg